Dr. Hiro เจ้าของช่อง youtube เทคนิคล้างสมองอันโด่งดังในญี่ปุ่น ในตอนที่เรียนอยู่ชั้นปีที่ 4 ได้เริ่มทำธุรกิจขายตรง โดยในตอนแรกนั้นเค้าขายได้ไม่ดี เลยทำการศึกษา และหลังจากนำความารู้มาใช้ ทำให้เขามียอดทะลุเจ็ดหลักและต่อเนื่องแปดหลัก หลังจากเลิกทำ การเงินของเขาก็ตกต่ำ ทำให้ออกมาทำช่อง Youtube เกี่ยวกับธุรกิจขายตรง
Reflect สั้นๆ
หนังสือไม่ได้ดาร์กเหมือนที่คิด หลายๆอย่างเราก็ทำกันอยู่แล้ว ทักษะต่างๆเป็นส่วนผสมของ mindset แบบตะวันตกและตะวันออก ความคิดเห็นส่วนตัว เห็นด้วยบางส่วนกับหนังสือเล่มนี้ ในส่วนที่ว่าการพูดอย่างมีประสิทธิภาพไม่ใช่แค่การพูดเพียงอย่างเดียว มีองค์ประกอบหลายๆอย่างที่เราต้องพัฒนาตามไปด้วย ซึ่งในหนังสือจะกล่าวถึงส่วนต่างๆในเชิงจิตวิทยาของนักขายที่มีความสามารถในการโน้มน้าวผู้ฟัง หนังสือให้ความสำคัญกับ ทักษะการสื่อสาร และไม่ทำให้คุณถูกหลอกได้ง่ายๆ
สิ่งที่คุณจะได้โดยรวม จากหนังสือเล่มนี้
รีวิวนี้พลอยอาจจะไม่ได้สรุปหนังสือโดยตรงนะคะ แต่เป็นการแชร์มุมมองที่น่าสนใจจากหนังสือร่วมกับความคิดเห็นและประสบการณ์ส่วนตัวของพลอยค่ะ
อ่าน “คู่มือการพูดแล้ว” แต่ยังไม่สามารถจูงใจคนหรือปิดการขายได้
เคยรู้สึกมั้ยคะ เวลารู้สึกอีกฝ่ายเก่ง ไม่ใช่เค้าเก่งมากมาย แต่เป็นความประทับใจในตัวเค้า เพราะคนเราถูกดึงดูดด้วยภาพลักษณ์ตั้งแต่แรกพบ
เพราะทักษะในการสื่อสารไม่ใช่เพียงแค่ คำพูดที่เหมาะสม แต่เป็น การสร้างความประทับใจที่เหมาะสม หากต้องการความน่าเชื่อถึง ต้องแสดงออกว่าเราคือของจริง ของจริงอย่างไร เช่น เป็นพนักงานขายที่น่าเชื่อถือไหม การแต่งตัวดูน่าเชื่อถือ หรือหากเป็นคนขายคอร์สลดความอ้วน รูปร่างที่เหมาะสมก็จะทำให้เราดูน่าเชื่อถือมากขึ้น
ตามกฏของเมห์ราเบียน 7-38-55 คือสิ่งที่คนใช้ประเมินความประทับใจ
- 7% verbel ข้อมูล
- 38% โทน เสียง จังหวะ
- 55% body language ภาษากาย
การพูดเก่งและถูกแกรมม่า ไม่เพียงพอที่จะปิดการขายได้ ต้องมีภาพลักษณ์และภาษากายที่ดีด้วย จะเห็นว่า ภาษากายเป็นส่วนสำคัญที่สร้างความประทับใจสำหรับทฤษฎีนี้
ภาษากายรวมถึงภาพลักษณ์ในที่นี้คือการดูแลตัวเองให้ดี ผิวพรรณ ดูแลความสะอาด การเลือกเสื้อผ้าให้เข้ากับตัวเอง และเลือกช่างตัดผมดีๆเช่นกัน
วิธีพูดที่ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของผู้อื่น
การประจบและพูดเรื่องที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกภูมิใจ โดยไม่ทำตัวเหนือกว่าหรืออวดภูมิ การประจบในที่นี้อาจจะหมายถึงการชมคนอื่นอย่างจริงใจ ไม่ประจบเกินจริงมากไปก็ช่วยให้อีกฝ่ายรู้สึกดีได้ค่ะ เราควรเริ่มชมคนอื่นไปเรื่อยๆ จนสามารถทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ เลือกใช้คำชมที่ดูพิเศษ เช่น ชมว่ารสนิยมดีจังแทนการชมว่าเสื้อสวยจัง
- Pygmalion effect ถ้าเราพูดให้คนนั้นเชื่อจริงๆว่าคนๆนั้นเก่ง เค้าจะทำงานได้ดีจริงๆ
- หากมีคนทำงานผิดพลาด ไม่ควรแสดงความโกรธและพูดออกไปขณะที่โกรธ ความโกรธและการพูดตอนที่เราโกรธเป็นเรื่องง่าย ใครๆก็ทำได้ การบริหารจัดการความโกรธต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญ เราควรพูดให้กำลังใจคนที่ทำผิดและหาทางแก้ดีกว่า
- การชมแบบขัดแย้งทางอารมณ์ โดยการแสดงท่าทีโมโหก่อนที่จะชม จะทำให้ผู้ถูกชมรู้สึกดีมากขึ้น การชมมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- การพูดชมน้ำ มี 3 ส่วนสำคัญในการเลือกใช้คำพูดคือ
- เลือกใช้คำพูดที่อีกฝ่ายไม่เคยได้ยินมาก่อน
- พูดอย่างมั่นใจ
- คำพูดแสดงให้เห็นถึงความรัก เช่นคำว่าแต่งงาน
- วิธีตอบกลับคำชม เช่น ถ้าผู้หญิงบอกว่า เท่จัง
- “ขอบคุณนะ แต่งงานกันเลยไหม”
- “ชมกันขนาดนี้ เดี๋ยวฉันเลี้ยงข้าว 10,000 เยน แล้วกัน
โดยพูดแบบทีเล่นทีจริง
- หัวข้อสนทนาที่ดีที่สุด คือเรื่องตัวเอง เพราะฉะนั้น หากต้องการให้ใครประทับใจและชอบพูดกับเรา ต้องทำให้เค้าพูดเรื่องตัวเองออกมาเยอะๆ เช่น หัวหน้าก็ตีกอล์ฟหรอครับ ผมเคยหัดตี แต่ยังไม่เก่งเลย ขอคำแนะนำจากหัวหน้าได้ไหมครับ โดยอย่าลืมว่า เราจะไม่พูดอวดตัวเด็ดขาด
“วิธีสื่อสาร” ที่ช่วยให้ควบคุมจิตใจคนตามต้องการ
- ใช้คำว่า “พูดง่ายๆ มันเหมือนกับ…” เวลาต้องพูดเรื่องยากๆ
- “พอเข้าใจไหม” ทำให้คนเข้าใจเรื่องที่คุณพูด แม้ว่าบางทีพวกเขาอาจจะยังไม่เข้าใจก็ตาม
- “คุณคิดยังไง” เพื่อเป็นการให้คนฟังตั้งใจและสนใจรับฟังรวมถึงต้องพูดโดยมีโทนและจังหวะที่เหมาะสม
- แทนคำเรียกคู่สนทนาด้วย ชื่อของเค้า
- เว้นจังหวะการพูด ถ้าต้องการพูดเรื่องสำคัญเพื่อให้สมาธิคนฟังกลับมาอยู่ที่เรา
- พูด 1 ประโยค 1 ใจความสำคัญ เพราะบางทีหากเรายัดเยียดข้อมูลมากเกินไป อาจจะทำให้คนฟังไม่รู้เรื่อง เข้าใจยาก และการสื่อสารของเราอาจจะไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร
“วิธีฟัง” ที่ช่วยให้การเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสนทนา
- ฟังอย่างตั้งใจ นอกจากทักษะการพูด ภาพลักษณ์ ภาษากายแล้ว ทักษะการฟังก็เป็นสิ่งสำคัญและเป็นส่วนหนึ่งของทักษะการพูดหรือโน้มน้าวผู้ฟังเช่นกัน
- ฟังโดยคิดว่าเรื่องที่ฟังอยู่เป็นเรื่องที่สนุกที่สุดในโลก
- ตอบรับคู่สนทนาโดยใช้ภาษากายคือ
- พยักหน้า
- ตอบรับ
- ขยับคิ้ว
- อย่าพูดเพื่อเอาชนะ แม้ว่าเราจะรู้เรื่องที่เขาพูดมากกว่า เราควรให้อีกฝ่ายพูดให้จบ หลังจากนั้นแสดงความคิดเห็นตนเองโดยใช้คำเชื่อมคล้อยตามเช่น “นั่นสินะ… แล้วตามด้วยความคิดเห็นของเรา” เราจะไม่ขัดจังหวะการพูดของคู่สนทนา และไม่พูดว่า ไม่ใช่แบบนั้น เพราะจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเสียหน้า
ทักษะการพูดเก่งระดับสุดยอด
- ฝึกสังเกตภาษากายของคนที่กำลังพูดด้วย เราต้องแสดงสีหน้าตอบรับฟังคู่สนทนา การแสดงสีหน้าไปด้วยขณะพูด แม้กระทั่งตอนคุยโทรศัพท์ทำให้อีกฝ่ายรับรู้ได้เช่นกัน
- ไม่นั่งเกร็ง ฝึกนั่งหลังตรงและทำให้เป็นธรรมชาติ เพราะความเกร็งทำให้คู่สนทนามองเห็นและเป็นสิ่งที่ทำให้การสื่อสารของเราไม่ราบรื่น เราต้องผ่อนคลายเพื่อการสนทนาที่ดี ให้ผลลัพธ์ที่ดี
- ไม่กอดอกเพราะเป็นภาษากายแบบปิดกั้น
- แม้จะรู้สึกตื่นเต้น ต้องไม่แสดงออกถึงความตื่นเต้น หายใจลึกๆ ให้ร่างกายผ่อนคลาย เพื่อคลายความตื่นเต้น
เทคนิคทางจิตวิทยาอันทรงพลังเพื่อการสื่อสารที่ดี ห้ามนำไปใช้ในทางที่ผิดเด็ดขาด
- Pacing สังเกตุจังหวะ โทนเสียง ระดับความดังของเสียงที่อีกฝ่ายใช้ และปรับระดับให้เท่ากันกับคู่สนทนา ใช้เสียงดังกว่าเล็กน้อยหากเราต้องการนำการสนทนา
- Anchoring effect บอกราคาที่สูงแล้วค่อยลดราคา เพราะราคาตอนแรกมักจะมีผลกับการตัดสินใจเสมอ
- Diderot effect คือการซื้อเป็นชุด แสดงให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีกว่าหากซื้อเป็นชุด เช่นการซื้อเครื่องสำอางค์
- Scarcity effect ยิ่งเป็นของหายาก ยิ่งมีความต้องการสูง ใช้กำหนดเวลา ภายใน..เท่านั้น
- Boomerang effect อย่ายัดเยียดผู้ฟัง หรือคนซื้อมากเกินไป เช่นการตื๊อลูกค้า หากลูกค้าพูดว่าไม่แล้วพยายามยัดเยียดให้ลูกค้าต่อ
- Undermining effect อย่าใช้รางวัลเป็นแรงจูงใจ
- Reframing เปลี่ยนมุมมองโดยเปลี่ยนวิธีการพูด
- Norm of reciprocity การตอบแทนซึ่งกันและกัน การมีเงื่อนไขต่อรองบางอย่าง บางครั้งทำให้เกิดผลลบมากกว่าผลดี
ความคิดเห็นหลังอ่านจบ
หนังสืออ่านง่าย ย่อยง่าย ทำความเข้าใจได้ง่าย หนังสือมีตัวอย่างชัดเจน ส่วนตัวพลอยคิดว่าบางอย่างเราก็ทำอยู่แล้วแต่อาจจะไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องของจิตวิทยา การอ่านจิตวิทยาสายดาร์กเหมือนเป็นการเน้นย้ำมุมมองที่ดีต่อการพัฒนาทักษะการพูด และเป็นไอเดียหากต้องการเพิ่มทักษะการสื่อสารและโน้มน้าวที่ดีขึ้น เช่น การสร้างภาพลักษณ์เพราะบางทีเราอาจจะไม่ทันได้คิดว่าการแต่งตัวดูดีมีผลมากกว่าคำพูดขนาดนั้นรวมทั้งการเลือกใช้คำพูดและน้ำเสียงในการสนทนาเช่นกัน
จิตวิทยาสายดาร์ก เหมาะกับใคร
เหมาะกับนักขายที่ต้องการปิดการขายให้ได้ โดยการปรับ และใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเพิ่มเติม ในบางเรื่องก็อาจจะเป็นเรื่องที่คิดไม่ถึงเช่นกันว่าจะมีผลต่อการสนทนา หรือคนที่ต้องการพูดกับผู้อื่นให้ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นสายดาร์กหรือเป็นการทำให้ผู้ฟังไม่สบายใจ หนังสือเล่มนี้เน้นการพูดเพื่อให้ผู้ฟังสบายใจเป็นหลักค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ 🙂 หากมีหนังสือหรือเรื่องราวดีๆน่าสนใจ แนะนำให้พลอยอ่านได้เลยนะคะ