ถ้าคุณกำลังมองหาหนังสือการเงินที่อ่านง่าย เข้าใจได้จริง และช่วยให้คุณเริ่มต้นลงทุนได้อย่างมั่นใจ “Money Mastery มั่งคั่งทั้งชีวิต” คือหนังสือเล่มหนึ่งที่พลอยอยากให้คุณได้รู้จักค่ะ
หลายคนอาจยังคิดว่าเรื่องเงินเป็นเรื่องซับซ้อน เต็มไปด้วยศัพท์ยากๆ จนไม่กล้าแม้แต่จะเริ่มต้นศึกษา ซึ่งพลอยเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ด้วยความที่เราไม่มีประสบการณ์การจัดการด้านการเงินมาก่อน ทำให้ตอนแรกลังเลใจ ว่าจะหยิบมาอ่านดีมั้ย หลังจากอ่านเสร็จก็พบว่าที่จริงแล้ว เรื่องเงินนั้นตรงไปตรงมา ซับซ้อนน้อยกว่าที่คิด และการลงทุนในความรู้ คือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด เพราะความจริงก็คือ รู้ไม่เท่ากัน ผลตอบแทนก็ไม่เท่ากัน ยิ่งเข้าใจมาก โอกาสที่เงินจะงอกเงยก็ยิ่งมากตามไปด้วย
หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นเพื่อให้คุณเข้าใจภาพใหญ่ของชีวิตทางการเงิน ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงการลงทุนจริงจัง ช่วยให้คุณจัดการเงินได้ดีขึ้น สร้างเงินให้มากขึ้น และยืนหยัดเหนือเงินเฟ้อด้วยวิธีที่เหมาะกับตัวเอง และยังรวมแนวคิดเรื่อง “ความมั่งคั่งอย่างแท้จริง” ที่ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่ครอบคลุมถึงเวลา และสุขภาพด้วย
เนื้อหาเริ่มจากส่วนแรกที่ให้เราได้คิด และสำรวจสุขภาพทางการเงินของตัวเอง วัดความเข้าใจ ทัศนคติ และปูพื้นฐานให้แน่น เช่น ทำไมการออมอย่างเดียวถึงทำให้ยิ่งจนลง? ทำไมเริ่มลงทุนช้าเงินถึงหายไปมหาศาล? ความมั่งคั่งจริงๆ วัดกันที่อะไร? และวิธีตั้งเป้าหมายเพื่อให้มีอิสรภาพทางการเงินที่แท้จริง
จากนั้นคุณพอลพาไปเจาะลึกเครื่องมือการลงทุน ทั้งในตลาดเงินและตลาดทุน พร้อมเคล็ดลับแนวคิดแบบคนรวย เช่น 3 สิ่งที่คนรวยไม่ทำ ข้อผิดพลาดของนักลงทุนที่ควรเลี่ยง ไปจนถึง Mindset ที่จะทำให้เราเป็นนักลงทุนที่กล้าลงมือและคิดเป็น
ทั้งหมดนี้คือการสรุปประสบการณ์กว่า 20 ปีของคุณพอล–ภัทรพล ศิลปาจารย์ รวมถึงบทเรียนจากการสัมภาษณ์นักลงทุนตัวจริงมากมาย ที่จะช่วยให้คุณประหยัดเวลาเรียนรู้ไปได้อีกนับสิบปี และก้าวสู่ชีวิตที่มั่งคั่งทั้งด้านเงิน สุขภาพ และเวลา ได้จริง
สิ่งที่พลอยได้รับหลังจากอ่านหนังสือ Money Mastery มั่งคั่งทั้งชีวิต โดยคุณ พอล ภัทรพล เพราะหลายๆคน อาจกำลังเหนื่อยใจกับคำว่า “เงินไม่พอ” อยากให้รู้ว่า คุณไม่ได้เดินคนเดียวบนเส้นทางนี้
วันนี้เราเลยหยิบข้อคิดดีๆ จากหนังสือ Money Mastery มั่งคั่งทั้งชีวิต ของคุณพอล ภัทรพล ศิลปาจารย์ มาสรุปให้คุณอ่านง่ายๆ เผื่อว่ามันจะเป็นแรงบันดาลใจเล็กๆ ให้คุณลุกขึ้นมาดูแลชีวิตการเงินของตัวเองได้ดีกว่าเดิม
1. นิยามของความมั่งคั่งที่แท้จริง คือชีวิตที่สมดุล
ในหนังสือ คุณพอลพูดเรื่องนี้ไว้ชัดมาก ว่า “มั่งคั่ง” ไม่ใช่แค่เงินในบัญชี แต่หมายถึงการมี Well-being หรือการมีชีวิตที่สมดุลในทุกด้าน ทั้งทางด้าน
เงิน มีรายได้ ทรัพย์สินที่เพียงพอ
เวลา มีเวลาว่างสำหรับสิ่งที่สำคัญในชีวิต เช่น ตนเอง ครอบครัว เพื่อน งานอดิเรก
สุขภาพ มีสุขภาพกายและใจที่ดี
ถ้าลองจินตนาการว่า ชีวิตคือวงล้อที่สมดุลกัน เงิน เวลา สุขภาพ และครอบครัว ถึงจะเรียกว่ามั่งคั่งอย่างแท้จริง หากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป ก็เหมือนวงล้อชีวิตที่ไม่สมดุล ทำให้ชีวิตไม่สามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น
ลองถามตัวเองดูสิคะว่า วันนี้คุณกำลังใช้เวลาไปกับการหาเงินมากจนไม่มีเวลาดูแลตัวเองหรือเปล่า? หรือหาเงินจนลืมว่าที่สุดแล้วคนข้างๆ สำคัญแค่ไหน? หนังสือเล่มนี้ย้ำเลยว่า “ความมั่งคั่งที่แท้จริง ต้องสมดุล”
2. ชีวิตที่ฝันไว้ vs. ชีวิตจริง
คุณพอลชี้ให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่มี “สองชีวิต” คือ “ชีวิตที่อยากได้” กับ “ชีวิตจริง” ซึ่งมักจะแตก ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ชีวิตที่อยากได้อาจมีบ้านในฝัน รถหรู หรือได้ดูแลพ่อแม่ในโรงพยาบาลดีๆ แต่ชีวิตจริงมักอยู่ภายใต้ข้อจำกัดทางการเงิน ถ้าคุณมีความรู้ทางการเงินที่ดี ช่องว่างระหว่างสองชีวิตนี้จะค่อยๆ แคบลง จนวันหนึ่งมันอาจกลายเป็น “ชีวิตเดียวกัน” ก็ได้
3. ความรู้ทางการเงิน คือรากฐานของตึกเงิน
มีเงินมากไม่พอ ต้องมีความรู้ด้วย! หนังสือเปรียบเทียบให้เห็นภาพว่า เงินคือ “ตึก” ความรู้คือ “เสาเข็ม”
อยากมีตึกสูงเท่าไร ก็ต้องลงเสาเข็มให้ลึกและแข็งแรงเท่านั้น นี่คือเหตุผลว่าทำไมบางคนทำงานทั้งชีวิตแต่เก็บเงินไม่อยู่ เพราะขาดความรู้ทางการเงิน ไม่เข้าใจวิธีป้องกันความเสี่ยง ไม่รู้จะลงทุนยังไงให้เงินงอกเงย สมัยนี้ดอกเบี้ยเงินฝากไม่ถึง 1% แต่เงินเฟ้อกลับกินมูลค่าเงินเราเรื่อยๆ แค่เก็บออมอย่างเดียวไม่พอ ต้องเรียนรู้การลงทุนด้วย
4. ทัศนคติที่ดีต่อความรวย
หนึ่งในข้อคิดที่เราชอบมากคือ “เลิกเกลียดคนรวย” เพราะยังมีหลายๆคนที่เติบโตมากับความเชื่อว่า “คนรวยต้องโกง” “คนรวยขี้อวด” ซึ่งความคิดนี้จะเป็นอุปสรรคขวางเราไม่ให้รวย เพราะในใจเราลึกๆ จะต่อต้านความรวยโดยไม่รู้ตัว เงินไม่ทำให้คนเลวหรือดีขึ้น แต่เงินจะ “ขยาย” ตัวตนที่แท้จริงของเรา ถ้าคุณเป็นคนดีอยู่แล้ว การมีเงินจะทำให้คุณมีโอกาสช่วยคนอื่นได้มากขึ้น
5. แค่เก็บออมไม่พอ ต้องลงทุนให้ชนะเงินเฟ้อ
ถ้าคุณฝากเงินล้านไว้ในธนาคาร แต่ดอกเบี้ยแค่ 1% ในขณะที่เงินเฟ้อปีละ 3% เงินล้านของคุณจะด้อยค่าลงทุกปี วิธีเดียวที่จะสู้เงินเฟ้อได้ คือ “ลงทุน” ลงทุนอะไรดี? แล้วแต่ความถนัดและความรู้ของแต่ละคน จะหุ้น กองทุน อสังหา หรือแม้แต่คริปโตฯ แต่ละอย่างมีความเสี่ยงไม่เท่ากัน สิ่งสำคัญคือศึกษาให้ดี อย่ารีบ อย่าตามใคร

6. ปัจจัยสำคัญของการลงทุน
หนังสือบอกว่าความสำเร็จของการลงทุน ขึ้นอยู่กับ 3 อย่าง
เงินลงทุน – เริ่มด้วยทุนเท่าไหร่
ระยะเวลา – ยิ่งเริ่มเร็ว ยิ่งได้เปรียบ
อัตราผลตอบแทน – ต้องพยายามหาผลตอบแทนให้ชนะเงินเฟ้อ
และมีสูตรง่ายๆ ชื่อว่า กฎ 72 แค่เอา 72 หารอัตราผลตอบแทน ก็จะรู้ว่าเงินจะเพิ่มเท่าตัวในกี่ปี เช่น ถ้าผลตอบแทน 10% เงินจะเพิ่มเท่าตัวในประมาณ 7 ปี
7. สร้าง Active Income และ Passive Income
ถ้าเรายังทำงานแลกเงินอยู่ นั่นคือ Active Income เช่น เงินเดือน ค่าจ้าง แต่ถ้าเรามีทรัพย์สินที่สร้างรายได้แทน เช่น ค่าลิขสิทธิ์ เงินปันผล ค่าเช่า นั่นคือ Passive Income เป้าหมายใหญ่คือ ทำยังไงให้ Passive Income มากกว่าค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ถ้าทำได้ คุณก็จะมี อิสรภาพทางการเงิน และไม่ต้องกังวลว่า ถ้าวันนึงอยากหยุดทำงาน จะอยู่ได้ไหม
8. Mindset แบบคน 1%
คุณพอลบอกว่า ถ้าอยากได้ผลลัพธ์แบบคนรวย คุณต้องคิดและทำแบบคนส่วนน้อย อย่าทำตามคนส่วนใหญ่ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ได้รวย เรียนรู้จากคนที่สำเร็จ เช่น วอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่เน้นลงทุนแบบ VI (Value Investing) ลงทุนในสิ่งที่เข้าใจ ซื้อของดีในราคาที่เหมาะสม และลงทุนระยะยาว
9. สิ่งที่คนรวยไม่ทำ
คนรวยไม่ขายเวลาตลอดชีวิต แต่หาทางให้เงินทำงานแทน คนรวยไม่ซื้อหนี้สินที่สร้างแต่ค่าใช้จ่าย แต่ซื้อทรัพย์สินที่สร้างรายได้ คนรวยไม่เอาเวลาไปหมดกับความบันเทิง แต่ลงทุนเวลากับความรู้
10. ข้อผิดพลาดที่ควรเลี่ยง
อย่าซื้อแพงขายถูก อย่าใจร้อน อย่าเชื่อข่าวลือ อย่าดูพอร์ตทุกวันจนเครียด อย่า FOMO อย่าหวังรวยทางลัด ลงทุนให้เป็นระบบ ลงทุนด้วย DCA (ซื้อเท่ากันทุกเดือน) ช่วยให้ไม่ต้องเดากราฟ ไม่ต้องกังวลว่าซื้อตอนถูกหรือแพงมาก เพราะระยะยาวยังไงก็ได้ผลตอบแทนที่เฉลี่ยและมั่นคงกว่า
Money Mastery มั่งคั่งทั้งชีวิต คือหนังสือที่ไม่ได้สอนให้คุณโลภ แต่สอนให้คุณ ฉลาดและไม่ประมาทกับเงิน เพราะสุดท้าย เราไม่ได้อยากรวยเพื่อเอาเงินไปนอนกอด แต่เราอยากมีเวลา อยากมีสุขภาพ อยากมีคนที่เรารักอยู่ด้วย และใช้ชีวิตอย่างที่อยากมีได้จริงๆค่ะ และการลงทุนที่ดีที่สุด คือการลงทุนในตัวเอง
วันนี้อาจยังไม่รู้เรื่องการเงินก็ไม่เป็นไร เริ่มอ่าน เริ่มเรียน เริ่มลอง แล้ววันหนึ่งคุณจะขอบคุณตัวเองที่ “ไม่ปล่อยให้ชีวิตเป็นแค่ฝัน” แต่ลงมือสร้างให้มันเป็นจริงขึ้นมา ใครยังไม่มีหนังสือเล่มนี้ ลองไปหามาอ่านดูนะคะ แล้วคุณจะได้มุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับคำว่า “มั่งคั่ง” ที่ไม่ใช่แค่ตัวเลขในบัญชี
ส่งกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังเริ่มดูแลการเงินของตัวเองค่ะ คุณทำได้ และวันนี้ยังไม่สายเกินไปแน่นอนค่ะ