“Good Vibes, Good Life: ใช้คลื่นพลังบวก ดึงดูดพลังสุข” คือหนังสืออะไร… Good Vibes, Good Life เป็นหนังสือแนวพัฒนาตนเอง โดยที่โฟกัสเรื่องของการใช้พลังงาน การเปลี่ยนแปลงพลังงาน ตามกฎแรงดึงดูด ใช้พลังงานเชิงบวกเพื่อเป็นแม่เหล็กดึงดูดความสุขและการเปลี่ยนแปลงชีวิตที่ดีขึ้น หนังสือเล่าให้เราเข้าใจถึง“กฎแห่งแรงสั่นสะเทือน” หรือ “กฎแห่งแรงดึงดูด” โดยแก่นของกฎนี้ก็คือ สิ่งที่เราโฟกัสและใส่ใจ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ต้องการหรือไม่ต้องการ ท้ายที่สุดแล้วก็จะเกิดขึ้นจริงในชีวิตของเรา เช่น เราอาจจะเคยมีประสบการณ์ในการคิดถึงเหตุการณ์แย่ๆล่วงหน้าก่อนที่มันจะเกิดขึ้น แล้วพบว่ามันเกิดขึ้นจริง
Good Vibes, Good Life คือหนังสือเกี่ยวกับอะไร
เป็นหนังสือเกี่ยวกับการพัฒนาตนเองจากตัวเราเอง หนังสือแนะนำและชี้ให้เห็นวิธีคิดและแนวทางเพื่อเปลี่ยนแปลงกรอบความคิด (Mindset) และมอบเทคนิคในการควบคุมชีวิตของเรา เพื่อนำไปสู่ความสุขและอนาคตที่ดีขึ้น ช่วยเป็นคู่มือให้เราปรับเปลี่ยนทัศนคติจากภายใน การควบคุมความคิดและอารมณ์ ที่หลายๆครั้งเราได้ยินว่า แค่เราควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ เท่ากับควบคุมชีวิตตัวเองได้แล้ว โดยการที่เราเปลี่ยนแปลง ปรับพลังงาน เพื่อสร้างคลื่นพลังงานบวกที่ดึงดูดสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต ทำให้เราเข้มแข็งพอที่จะรับมือกับปัญหาต่างๆ ด้วยมุมมองที่ไม่ยอมแพ้
เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น เราลองจินตนาการว่าชีวิตของเราเป็นเหมือนสัญญาณวิทยุที่ส่งคลื่นออกไปตลอดเวลา หนังสือเล่มนี้ก็เหมือนกับการสอนให้เรา ปรับจูนคลื่นวิทยุ ของเราให้เป็น “คลื่นพลังบวก” เมื่อเราส่งคลื่นที่ดีออกไป จักรวาลก็จะส่งคลื่นที่ดีและความสุขในความถี่เดียวกันกลับมาหาเรา ทำให้เราดึงดูดสิ่งดีๆ และผู้คนดีๆ เข้ามาในชีวิตได้ในที่สุด
ผู้เขียนคือใคร
เวกซ์ คิง (Vex King) เป็นนักเขียนและกูรูด้านการพัฒนาตนเอง ประสบความสำเร็จในฐานะนักเขียน Best Seller อันดับ 1 ของ Sunday Times รวมถึงเป็นนักพูดและอินฟลูเอนเซอร์ คุณเวกซ์ คิง อธิบายว่าตัวเขาเองเป็นคนมองโลกในแง่บวก มีวิสัยทัศน์ และชอบช่วยเหลือผู้อื่น
เวกซ์ คิง มีความเชื่อที่เน้นเรื่องพลังของความคิดและจิตใจในการสร้างสรรค์ชีวิตที่ดีขึ้น ตามกฎแห่งแรงดึงดูด ที่เชื่อว่าทุกอย่างเป็นพลังงาน ความคิด คำพูด ความเชื่อ เวกซ์ คิง ได้กลั่นกรองความเชื่อในด้านพลังงานและจิตใจของเขา เขียนเป็นหนังสือ เล่มนี้
Good Vibes, Good Life เหมาะกับใคร
- คนที่กำลังเผชิญกับความทุกข์หรือปัญหาในชีวิต: หากชีวิตคุณมีแต่เรื่องลบ ๆ หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้คุณตั้งใจใช้ชีวิตให้ดีขึ้นอย่างมาก และเปลี่ยนมุมมองต่อความเจ็บปวดให้เป็นโอกาสในการเติบโต
- รู้สึกว่าตนเองยังดูแลตัวเองไม่ดีพอ: หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้คุณทบทวนและใส่ใจตัวเองมากขึ้น เรียนรู้ที่จะหยุดอยู่กับตัวเองอย่างเป็นสุข และเป็นที่พึ่งให้ตัวเองได้
- คนที่มักมองข้ามคุณค่าในตัวเอง หรือตำหนิตัวเองอยู่เสมอ: หากคุณมักจดจำแต่สิ่งที่ทำผิดพลาด หรือเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น หนังสือจะช่วยให้คุณกลับมาเห็นคุณค่าในสิ่งที่ทำได้ดี และเมตตาต่อตนเองมากขึ้น.
- คนที่ต้องการเข้าใจและประยุกต์ใช้กฎแห่งแรงสั่นสะเทือน (Law of Vibration) หรือกฎแห่งแรงดึงดูด (Law of Attraction): หนังสือเล่มนี้อธิบายว่าความเชื่อ, ความคิด, ความรู้สึก, การกระทำ และคำพูดของเราล้วนปล่อยคลื่นแรงสั่นสะเทือนออกไป และจะดึงดูดสิ่งที่เราส่งออกไปกลับมา.
- ผู้ที่ต้องการปลดล็อกศักยภาพอันยิ่งใหญ่ในตัวเอง: หนังสือเน้นย้ำว่าการรักตัวเองคือกุญแจสำคัญในการปลดล็อกพลังในตัวคุณ.
ทำไมเราควรอ่าน Good Vibes, Good Life
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือแนว “feel good” ที่ให้ข้อคิดและเทคนิคมากมายเพื่อปรับความคิดและชีวิตให้ดีขึ้น เป็นแนวทางให้เราเริ่มต้นในการรักตัวเอง ให้เราเห็นถึงอีกด้านของการรักและเคารพตัวเอง ซึ่งหากเรานำมาปรับใช้ จะทำให้ใจเราเบาขึ้น มีความสุขง่ายขึ้น ไม่ยึดติด และเลือกทางเดินที่เหมาะกับตัวเราเอง
หนังสือเล่มนี้เป็นเหมือนคู่มือที่ช่วยให้เรา “จูน” คลื่นพลังงานในตัวเราให้เป็นบวก เพื่อดึงดูดสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต ทำให้เราเข้าใจว่าความสุขที่แท้จริงนั้นเริ่มต้นจากภายใน และเรามีพลังที่จะสร้างชีวิตที่ดีได้ด้วยตนเอง.
สรุปเนื้อหาโดยย่อ
กฎแห่งแรงสั่นสะเทือน หรือ กฎแห่งแรงดึงดูด
ตัวเราจะปล่อยคลื่นแรงสั่นสะเทือนอยู่ตลอดเวลาผ่านความคิด ความรู้สึก การกระทำ และคำพูด หากเราส่งออกพลังงานเชิงลบ เราก็จะได้รับสิ่งไม่ดีกลับมา แต่ถ้าเราคิดดี ทำดี รู้สึกดี ชีวิตก็จะดึงดูดสิ่งดีๆ เข้ามาหาเรา
การรักตัวเองและการเคารพตนเอง
การรักตัวเองไม่ใช่แค่การคิดดีกับตัวเอง แต่ต้องแสดงออกผ่านการกระทำด้วยการเคารพและให้เกียรติตนเอง การเลือกสิ่งที่ดีให้ตัวเอง และแก้ไขพฤติกรรมเชิงลบ เช่น การดูถูกตัวเอง การยอมรับความผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ที่จะรักตัวเอง รวมถึงการดูแลตัวเองให้พร้อมก่อนที่จะไปช่วยคนอื่น
พลังของความคิดและความเชื่อ
ความคิดมีอิทธิพลอย่างมากต่ออารมณ์ จิตใจ และการกระทำของเรา การคิดบวกคือการเลือกความคิดที่ส่งเสริมเรา และจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หากเราเชื่อว่าบางสิ่งเป็นไปไม่ได้ นั่นหมายความว่าเรากำลังให้ความสนใจกับอุปสรรคมากเกินไป ความเชื่อเป็นพื้นฐานของการทำให้สิ่งที่เราหวังเป็นจริง สมองไม่สามารถแยกแยะได้ว่าสิ่งที่เราป้อนเข้าไปเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ดังนั้นสิ่งที่เราคิดและพูดกับตัวเองจะค่อยๆ กลายเป็นความจริง
การมีสติและใส่ใจปัจจุบัน
ความทุกข์มักเกิดจากการกังวลกับอนาคตหรือยึดติดกับอดีต การหายใจลึกๆ และใส่ใจสิ่งที่กำลังทำอยู่จะช่วยให้จิตใจสงบและมีสมาธิดีขึ้น
การจัดการเสียงในหัว
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ในหัวมีอิทธิพลอย่างมาก วิธีที่ดีที่สุดคือการสร้างนิสัยที่ดีเพื่อต่อต้านความคิดลบและกลบฝังมันด้วยการกระทำที่เป็นบวก
ความรับผิดชอบต่อความสุขของตนเอง
ความสุขควรเริ่มต้นจากตัวเราเอง จากสิ่งที่เราเป็นและมีอยู่ แทนที่จะเรียกร้องความสุขจากผู้อื่นหรือปัจจัยภายนอก การสำนึกขอบคุณในสิ่งที่เรามีอยู่ตอนนี้เป็นการให้เกียรติชีวิตตนเอง
การเฉลิมฉลองความสำเร็จ
ความสำเร็จไม่ใช่แค่ชื่อเสียงหรือความร่ำรวย แต่คือการไม่ยอมแพ้และรอดในแต่ละวัน ควรให้กำลังใจตัวเองและภูมิใจในสิ่งที่ทำได้ดี ไม่ใช่แค่จดจำความผิดพลาด
การลงมือทำและวินัย
หากต้องการสิ่งใด ต้องลงมือทำ อย่าผัดวันประกันพรุ่ง การก้าวออกจาก Comfort Zone และเผชิญหน้ากับความกลัวจะนำไปสู่การเติบโต วินัยคือสิ่งสำคัญที่ทำให้แตกต่างจากคนทั่วไป
การเรียนรู้จากความเจ็บปวดและอุปสรรค
ชีวิตทดสอบเราไม่ใช่เพราะเราอ่อนแอ แต่เพราะเราเข้มแข็ง ทุกประสบการณ์ รวมถึงประสบการณ์ที่เลวร้าย ล้วนถูกออกแบบมาเพื่อหล่อหลอมและช่วยให้เราเติบโตเป็นตัวเราในเวอร์ชันที่ดีที่สุด หากเราเปลี่ยนมุมมองให้เป็นบวก ทุกอย่างในชีวิตก็จะดีขึ้น
พลังของคำพูด
สิ่งที่เราพูดจะค่อยๆ กลายเป็นรูปธรรม คำพูดสามารถทำร้าย ช่วยเหลือ หรือเยียวยาได้ ควรเลือกใช้คำพูดอย่างชาญฉลาดและให้กำลังใจตัวเองเสมอ
ความเชื่อในสัญชาตญาณ
ควรเชื่อสัญชาตญาณและฟังความรู้สึกภายในเกี่ยวกับความสัมพันธ์หรือโอกาสต่างๆ
ข้อคิดที่ได้จากหนังสือ (Key Takeaways)
เป็นสิ่งที่สามารถนำมาปรับใช้กับพลอยได้จริง โดยเฉพาะการลงมือทำ เพราะเรามักจะได้ยินว่าการ manifest คือการ เชื่อ ขอ รับ แต่มักจะไม่มีใครพูดถึงการลงมือทำเลย หนังสือเล่มนี้ ทำให้พลอยได้คิดขึ้นมาว่า หากเราขอแล้วนั่งอยู่เฉยๆ สิ่งนั้นคงไม่ได้รับง่ายๆ เพราะฉะนั้น key takeaways ที่พลอยได้จากหนังสือเล่มนี้ ส่วนใหญ่คือข้อคิดจากการลงมือทำในด้านต่างๆเพื่อการเปลี่ยนแปลงตัวเอง
เน้นการลงมือทำและวินัย
ความสำเร็จไม่ได้มาจากเพียงความปรารถนา แต่มาจาก ระเบียบวินัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่เราไม่มีอารมณ์อยากจะทำ หากต้องการมีชีวิตที่ดีกว่าคนทั่วไป ต้องทุ่มเทความพยายามแบบเดียวกันแม้ในเวลาที่ไม่เต็มใจ
ความสุขที่แท้จริงมาจากภายใน
หนังสือเน้นย้ำว่า ความสุขที่แท้จริงควรเริ่มต้นจากตัวเราเอง จากสิ่งที่เราเป็นและสิ่งที่เรามีอยู่ แทนที่จะมองหาหรือเรียกร้องจากภายนอก ซึ่งการมองหาจากภายนอก เป็นการมองออกไปด้วยความรู้สึกขาดแคลน หนังสือทำให้พลอยเห็นภาพชัดขึ้นมาก ว่าเรามักจะต้องการให้คนอื่นรัก ชื่นชม เราถึงจะมีความสุข ซึ่งเป็นมุมมองจากความขาดแคลน
เน้นความก้าวหน้ามากกว่าผลลัพธ์
เรามักจะมองไปที่ผลลัพธ์เป็นเรื่องปกติ ซึ่งจะทำให้เรามองด้วยความขาดแคลนเช่นกัน เมื่อไหร่จะได้รับ เมื่อไหร่จะได้ตามเป้าหมายที่ต้องการ แต่ เวกซ์ คิง ทำให้พลอยเปลี่ยนมุมมองตรงนี้ไป เราควรจะสนใจความก้าวหน้าในสิ่งที่เราทำ ให้เราพัฒนามากกว่าเมื่อวาน ให้เราได้ลงมือทำเพิ่มจากเมื่อวาน
การดูแลตนเองและปกป้องพลังงานที่ดี
และสิ่งสำคัญที่พลอยคิดว่าจำเป็นอย่างยิ่ง คือ บางที มีคนต้องการความช่วยเหลือจากเรา แล้วเราก็เข้าไปช่วยเค้า ทั้งๆที่เรายังไม่พร้อม ทั้งด้านจิตใจ และอารมณ์ เวกซ์ คิง แนะนำว่า หากเราไม่แข็งแรงพอที่จะดูแลหรือให้กำลังใจผู้อื่นที่มีพลังงานลบ เราควรปกป้องพลังงานที่ดีของตัวเองไว้ก่อน
ความรู้สึกหลังอ่าน
หลังจากพลอยได้อ่านหนังสือเล่มนี้ สิ่งหนึ่งเลยที่ทำให้หนังสือเล่มนี้เป็นที่นิยม และแนะนำให้อ่าน พลอยเชื่อว่า เพราะเป็นหนังสือที่อ่านง่าย ย่อยง่าย เข้าใจคอนเซปต์ได้ง่าย เนื้อหาโดยส่วนใหญ่แล้ว อาจจะคล้ายๆกับหนังสือ Manifest เล่มอื่นๆ ที่เชื่อให้พลังงาน ของความคิด ความเชื่อ การกระทำ เชื่อในตัวเอง รักตัวเองก่อน แต่ข้อคิดสำคัญที่ได้จากหนังสือเล่มนี้ นอกเหนือจากเล่มอื่นๆ คือเน้นที่การกระทำ ในทุกมิติ ไม่ใช่แค่ว่า นั่ง visualize ถึงผลลัพธ์อย่างเดียว แต่ต้องลงมือทำ ในทุกๆ วัน เป็นก้าวเล็กๆ สะสมไปในทุกวัน ทำให้มีกำลังใจในแต่ละวัน มีเป้าหมายในตัวเอง เช่นวันนี้ พลอยจะนั่งสมาธิ 20 นาที หรือว่า วันนี้ จะปกป้องพลังงานตัวเอง ให้เกียรติตัวเอง เคารพตัวเอง วันนี้จะตั้งใจรักตัว เลือกตัวเองก่อน เป็นการเตือนสติเราในทุกๆวัน
ประโยคที่ชอบที่สุด (Favorite Quotes)
“Improving yourself and your life is also self-love because it means you recognize that you deserve more than settling for mediocrity.”
-Vex King
“Change the way you think, feel, speak and act, and you begin to change your world.”
-Vex King
“The more you count your blessings, the more blessings you’ll have to count.”
-Vex King
โดยสรุปแล้ว หนังสือสร้างแรงบันดาลใจเล่มนี้ คอยเป็นคู่มือให้เราเรียนรู้พลังงาน ให้เราปรับระดับพลังงาน ให้มีความสุขในแต่ละวัน ทั้งความคิด ที่แค่เพียงเราคิดในมุมมองที่ต่างออกไปจากที่เคย ใจเราก็เบาลงไปได้มาก ทั้งการกระทำ คำพูด หากเราอยู่ในระดับพลังงานสูง ย่อมส่งออกพลังงานสูงออกไป ผู้คนรอบข้างและจักรวาลก็จะรับรู้ได้ และเราก็จะดึงดูดสิ่งที่เราคู่ควรเข้ามาในชีวิต