หลังจากรอให้ kindle เปิดตัวหน้าจอสีมาอย่างยาวนาน ในที่สุด kindle ก็ปล่อย Amazon Kindle Coloursoft ออกมาพร้อมกับอีก 3 รุ่นให้เราซะที เย๊! โดย 4 รุ่นที่ว่านี้คือ Kindle Colorsoft, Kindle Scribe สำหรับคนชอบจดบันทึก ขีดๆเขียนๆ, Kindle Paperwhite (12th Generation) โดย amazon บอกว่า เป็นรุ่นที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา! และสุดท้าย Kindle generation 11th ขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก พร้อมเปิดตัวสีใหม่ สี Matcha สุดพาสเทล โดยแต่ละรุ่นมีรายละเอียดดังนี้ค่ะ
Amazon Kindle Colorsoft
หากใครคิดว่า amazon ที่ทำหน้าจอ e-ink แบบขาวดำมายาวนาน แล้วคุณภาพของหน้าจอสีอาจจะไม่ดีเท่าที่ควร ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นเลยนะคะ เพราะเทคโนโลยีที่ amazon ให้มากับ kindle coloursoft นั้นสีคมชัดอ่านได้อย่างลื่นไหลไม่สะดุดแน่นอน โดยเทคโนโลยีหน้าจอของ Colorsoft นั้น ประกอบด้วยชั้นเคลือบหลายชั้นที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อปรับปรุงคุณภาพของสีให้สดใสและคมชัดมากขึ้น รวมทั้งตัวนำแสงที่มีไมโครดิฟเลคเตอร์ ซึ่งช่วยลดแสงรบกวน การเคลือบผิวชั้นบางพิเศษบนหน้าจอ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแสดงผลภาพให้ดียิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าหน้าจอสีของ Colorsoft มีความละเอียด 150 ppi ในขณะที่รุ่นขาวดำแสดงผลที่ 300 ppi แม้จะมีความละเอียดต่ำกว่าสำหรับสี แต่การรีวิวเบื้องต้นชี้ให้เห็นว่าภาพดูคมชัดและสดใส ทำให้ประสบการณ์การอ่านน่าพอใจ และคุณสมบัติที่นักอ่านหลายๆคนรอคอย (พลอยก็เช่นกัน) สำหรับคนที่ชอบอ่านหนังสือและขีดไฮไลท์ข้อความไปด้วย Colorsoft สามารถไฮไลท์ข้อความในสีต่างๆ – สีเหลือง สีส้ม สีน้ำเงิน หรือสีชมพู นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติอื่นๆที่ coloursoft ใส่มาให้ เช่น การชาร์จแบบไร้สาย พื้นที่จัดเก็บ 32GB และอายุการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุดแปดสัปดาห์
Kindle Scribe (2024)
Kindle ที่สามารถจดโน๊ตได้ มาพร้อมกับหน้าจอมีผิวสัมผัสคล้ายกระดาษ ขนาดใหญ่ 10.2 นิ้ว ความละเอียด 300 ppi แน่นอนว่า Kindle Scribe เหมาะสำหรับคนที่ชอบเขียนและจดโน๊ตมากๆเลยค่ะ Amazon ยังบอกอีกว่าโน๊ตที่จดลงไปสามารถปรับแต่งเพิ่มขนาดฟอนต์ได้อีกด้วย ปากกาพรีเมียมมาพร้อมยางลบมีการออกแบบใหม่เพื่อให้ประสบการณ์การเขียนที่ดีขึ้น มีน้ำหนักและความสมดุลที่ดีขึ้นเพื่อความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น ในอนาคต Amazon มีแผนจะเปิดตัว Side Panel ที่สามารถจดบันดึกด้านข้างได้อีกด้วย
Kindle Paperwhite (รุ่นที่ 12)
รุ่นใหม่มีขนาดหน้าจอใหญ่ขึ้น เป็นรุ่นแรกที่ Paperwhite ทำหน้าจอใหญ่ขนาดนี้ และยังบางที่สุดในรุ่น โดยมีขนาด 7 นิ้วพร้อมจอป้องกันแสงจ้า ความละเอียด 300 PPI และยังเป็น Kindle Paperwhite ที่เร็วที่สุดอีกด้วยค่ะ มีการพลิกหน้าเร็วขึ้น 25% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน รวมทั้งความเร็วของ Kindle Library และ Store ยังตอบสนองเร็วขึ้นอีกด้วยค่ะ Kindle Paperwhite มีให้เลือกสามสีคือ Raspberry, Jade และ Black และที่สำคัญ สำหรับรุ่น Signature Edition ของ Paperwhite เพิ่มพื้นที่จัดเก็บเป็น 32 GB ชาร์จแบบไร้สาย และแสงหน้าจอปรับอัตโนมัติ รุ่นนี้มาพร้อมกับสี Metallic Raspberry, Metallic Jade และ Metallic Black ค่ะ
Kindle (Gen 11)
รุ่นเริ่มต้น หน้าจอเล็ก ขนาดหน้าจอขนาด 6 นิ้วป้องกันแสงจ้า ยังคงความละเอียดหน้าจอไว้ที่ 300 ppi สิ่งที่มาพร้อมกับ Kindle gen 11 คือแสงไฟหน้าจอที่สว่างขึ้น ซึ่งมีความสว่างสูงสุดถึง 94 nits Kindle gen 11 ยังเหมาะสำหรับพกพาด้วยน้ำหนักเพียง 158 กรัม นอกจากสีดำคลาสสิกแล้ว ยังมาพร้อมสีใหม่คือ Matcha และอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน 6 สัปดาห์ ต่อการชาร์ตหนึ่งครั้ง: Kindle รุ่นที่ 11 อวดอายุการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุดหกสัปดาห์ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ช่วยให้ผู้ใช้สามารถอ่านได้เป็นระยะเวลานานโดย
หากใครกำลังเล็งรุ่นไหนอยู่ Amazon พร้อมให้พรีออเดอร์แล้วนะคะ 🙂