manifest คำที่เราคุ้นเคย และ 3 ขั้นตอนทรงพลังของการ manifest “ขอ, เชื่อ, ได้รับ” คุณอาจจะเคยได้ยินหลักการ manifest 3 ขั้นตอนนี้มาบ้างแล้ว แต่ที่จริงแล้ว การ manifest มีอะไรที่มากกว่านั้น นี่คือเหตุผลที่ทำไม หลายๆคนถึง manifest แล้วยังไม่ได้รับตามที่ต้องการ เพราะการ manifest เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณ ความเชื่อ การกระทำ ความเป็นเรา การไว้วางใจ สิ่งเรานี้เป็นรากฐานสำคัญของการ manifest เรามาพูดคุยเกี่ยวกับการ manifest ให้ลึกขึ้นกันค่ะ
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับคำว่า Manifest
- การ manifest ไม่ใช่การขอพรแล้วรอเฉย ๆ
- ต้องมีการลงมือทำควบคู่กับพลังใจ
- Manifest ไม่ใช่เวทมนตร์ แต่คือการ “ปรับตัวเองให้พร้อมรับ”
นอกจากคำว่า manifest แล้ว เราอาจจะคุ้นเคยกับคำว่า Law of attraction หรือกฏแห่งการดึงดูด สองคำนี้ไม่เหมือนกันโดยตรง แต่มีความเกี่ยวข้องกันเพื่อให้เราพัฒนาตัวเอง พัฒนาจิตวิญญาณ ให้เรา manifest สิ่งที่เราหวังไว้ให้สำเร็จค่ะ
พลอยขออธิบายถึง “การปรับตัวเองให้พร้อมรับ” หรือคือ “Being” ด้านล่างนะคะ
Manifest แปลว่าอะไร
ในบริบทของการพัฒนาตัวเองและจิตวิญญาณ คำว่า “manifest” แปลว่า การดึงดูดสิ่งที่เราปรารถนาเข้าสู่ความจริง โดยส่วนใหญ่แล้ว เรามักจะ Manifest ชีวิตที่เราต้องการ ความรัก เงิน ความสำเร็จ สุขภาพ ไลฟ์สไตล์ การ manifest สามารถไปได้ถึงสิ่งที่เราต้องการลึกที่สุดในจิตใจ โดยไม่เกี่ยวข้องกับความเป็นจริง เช่น เราต้องการ manifest บ้านหลังใหญ่ ริมทะเล มีรถในฝันที่เราอยากได้ ในขณะที่เราเป็นพนักงานประจำ ซึ่งหากมองตามความเป็นจริงแล้วถือว่าสิ่งที่เรา manfiest ห่างไกลจากสิ่งที่เรามีในปัจจุบันเป็นอย่างมาก แต่นั่นแหละค่ะ สิ่งสำคัญของการ manifest คือเราสามารถ manifest ได้ทุกอย่างเท่าที่จิตนาการของเราจะไปถึง
หลักการสำคัญของการ manifest
คือ “การเป็น” หรือ “being” ของเรา การเป็นหมายถึงอะไร เราต้องรับรู้และเข้าใจก่อนว่า เราไม่ได้รับสิ่งที่เราขอ เราได้รับสิ่งที่คู่ควรกับสิ่งที่เราเป็น หรือการเป็น (being) ของเรา
การเป็นหมายถึง เราทุกคนมีพลังงานในตัวเอง รวมถึงอารมณ์ ความรู้สึกของเรา ก็เป็นพลังงานเช่นกัน สิ่งที่พลังงานตรงกัน ย่อมดึงดูดกันและกัน ลองคิดดูว่า ถ้าเราอยู่ในสภาวะอารมณ์ที่ไม่ดี โมโห หงุดหงิดง่าย สิ่งดีๆที่เราต้องการ จะอยากวิ่งมาอยู่กับเรามั้ย? ถ้าเราคิดว่า เราขาดแคลนอยู่ตลอดเวลา เช่น เราพูดเสมอว่าเราไม่มีเงิน เราพูดว่าเราขาด แล้วเงินจะอยากมาอยู่กับเรามั้ย?
ถ้าเราอยากได้สิ่งที่เราฝัน เราต้องเริ่มจากการเปลี่ยน การเป็น ของตัวเองก่อน เงินและสิ่งดีๆ อยู่ในสภาวะการสั่นสะเทือนสูง คลื่นพลังงานงานสูง ซึ่งตรงกับอารมณ์เบิกบาน มีความสุข มีความรัก เติมเต็ม ถ้าเราอยู่ในสภาวะอารมณ์ที่ดี การดึงดูดสิ่งดีๆ ย่อมเป็นเรื่องง่าย
เราหลายๆคนอาจจะเติบโตมากับความคิดว่าเราต้องประหยัด เราไม่มีเงิน เราไม่สามารถทำอะไรตามใจได้ การ manifest ทำงานตรงกันข้ามค่ะ อยากใหุ้กคนลองนึกภาพตาม ถ้าเรามัวแต่คิดว่าจะต้องประหยัด เราไม่มี เราคงไม่คิดหาวิธีที่จะพาตัวเองไปหาเงินเพิ่ม เพราะสมองมองแต่ว่าเราขาดแคลน สมองมองหาสิ่งที่คุ้นเคย คือการทำตัวกระเบียดกระเสียน ประหยัด อดออม
แต่ manifest mindset อยากให้เรามองถึงสิ่งที่เรามี ไม่มองความขาด เช่น มองว่าเรามีบ้าน เรามีงาน เรามีอุปกรณ์เครื่องใช้ เรายังมีรถ มีเพื่อน มีครอบครัว มีคนรอบตัวที่น่ารัก ใจดี คอยช่วยเหลือ เรายังมีตัวเอง เป็นคนซัพพอร์ต สนับสนุนตัวเอง เรายังมีอาหาร โฟกัส ที่สิ่งที่เรามี ขอบคุณสิ่งที่เรามี หรือที่เรียกว่า Gratitude เมื่อเรามองสิ่งที่เรามีแล้ว เราเอง จะมีอารมณ์เบิกบาน เต็มในใจ อิ่มในใจ ทำให้ระดับพลังงานเราสูงขึ้น ตามสภาวะอารมณ์ภายในของเรา
ซึ่งสภาวะอารมณ์ที่สูงขึ้นนี่เอง เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่ทำให้เรา manifest สิ่งที่เราหวังไว้ได้สำเร็จ
เปลี่ยน "การเป็น" (State of Being) เพื่อ Manifest ให้สำเร็จ
1. เริ่มจากการถามว่า “คนที่มีสิ่งนั้นแล้ว เขาเป็นคนแบบไหน?”
ไม่ใช่แค่ “ฉันอยากมีเงิน 100 ล้านบาท” แต่ต้องถามว่า “คนที่มีเงิน 100 ล้านบาทแล้ว เขาคิดยังไง? เขารู้สึกยังไง? เขาใช้ชีวิตยังไง?” การ Manifest ที่แท้จริงคือ “การเปลี่ยนตัวตนในปัจจุบันให้ตรงกับตัวตนที่มีสิ่งนั้นอยู่แล้ว” ลองเขียนออกมาก็ได้ค่ะ ในหนึ่งวัน คิอว่า คนที่มีเงิน 100 ล้านบาทเค้ามีกิจวัตรประจำวันอะไร แต่งตัวแบบไหน ไปที่ได้ พูดแบบไหน อ่านอะไร จะทำให้เราเห็นภาพชัดเจนขึ้นค่ะ
2. ใช้พลังของการจินตนาการ + ความรู้สึก
ไม่ใช่แค่คิดภาพเฉย ๆ แต่ให้ “รู้สึก” เหมือนได้รับมันแล้ว เพราะจักรวาลตอบสนองต่อ “พลังงาน” หรือก็คืออารมณ์และความรู้สึกมากกว่าคำพูด อาจจะลองฝึกเช่น ทุกเช้าให้จินตนาการว่าคุณมีชีวิตที่คุณฝันไว้แล้ว คุณรู้สึกยังไง ตื่นเต้น ดีใจ สงบ เช่นได้รับเงิน 100 ล้านบาทแล้ว จะรู้สึกยังไงบ้าง รู้สึกขอบคุณ ปลื้มใจ อิ่มเอมกับมัน ราวกับมันเกิดขึ้นแล้วตอนนี้
3. ฝึก “Being” ผ่านพฤติกรรมเล็ก ๆ ทุกวัน
โดยการถามตัวเองว่ “วันนี้ฉันสามารถ แสดงออกเหมือนคนที่มีสิ่งที่ต้องการแล้ว ได้ยังไง?” เช่น
- ถ้าอยากดึงดูดความรัก → เป็นคนที่ให้ความรักกับตัวเองก่อน
- ถ้าอยากดึงดูดความสำเร็จ → เดินและคิดแบบคนที่มั่นใจในคุณค่าและความสามารถของตัวเอง
คำว่า “Manifest” แม้ในทางภาษาจะหมายถึงการแสดงออกหรือปรากฏอย่างชัดเจน แต่ในมุมมองของพัฒนาตัวเองและจิตวิญญาณ คำนี้มีความลึกซึ้งยิ่งกว่า โดยสื่อถึง “การดึงดูดสิ่งที่เราปรารถนาให้ออกมาเป็นความจริง” ผ่านความคิด ความรู้สึก และพลังงานภายในของเรา การ Manifest ไม่ใช่แค่การขอหรือหวัง แต่คือการปรับ “ตัวตนของเรา” ให้สอดคล้องกับสิ่งที่เราต้องการ ด้วยการคิดแบบใหม่ รู้สึกเหมือนมีอยู่แล้ว และลงมือทำจากพลังของความเชื่อมั่น เมื่อเข้าใจความหมายทั้งในเชิงภาษาและพลังงาน เราจะสามารถใช้พลังของการ Manifest เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตในแบบที่ต้องการได้อย่างทรงพลัง