เคยมั้ยคะ ที่หลายๆครั้งเราอยากได้อะไรแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปเรามักจะได้รับสิ่งนั้นมาแบบไม่ได้ตั้งตัว ตอนแรกเราก็คิดว่าเรานี่โชคดีจัง แต่หลังๆมาเราเริ่มอ่านหนังสือ Manifest กฏแรงดึงดูดมากขึ้น ทำให้ได้รู้ว่า จริงๆแล้วเรา Manifest และดึงดูดสิ่งเหล่านั้นมา
Manifest คือ การใช้ความคิด พลังงานด้านบวกดึงดูสิ่งที่เราต้องการ มีความเกี่ยวข้องกับ กฎแรงดึงดูด (Law of Attraction) อย่างมาก
แนวคิดนี้เชื่อว่าความคิด ความรู้สึก และการตั้งใจของเราสามารถดึงดูดสิ่งต่าง ๆ เข้ามาในชีวิตได้ ซึ่งการ Manifest คือการสร้างภาพหรือความรู้สึกของสิ่งที่เราต้องการในใจ เพื่อให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นจริงตามกฎแรงดึงดูด
สิ่งสำคัญคือการโฟกัสความคิดเชิงบวก การ Manifest ต้องการให้เรามีความคิดเชิงบวก และอารมณ์เชิงบวกเช่นกัน และเรายังต้องชัดเจนในสิ่งที่ต้องการ การ Manifest ไม่ใช่แค่คิดถึงเป้าหมายแต่ยังรวมถึงการรู้สึกและส่งพลังงานออกไปในทางเดียวกัน
Manifest และ High Vibrations มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด จากแนวคิดที่ว่า สิ่งดีๆต่างๆ เช่น ความสุข ความรัก ความสงบ อารมณ์ต่างๆด้านบวก การเห็นอกเห็นใจ หรือแม้กระทั่งเงิน เป็นสิ่งที่การสั่นสะเทือนระดับสูง (สิ่งเหล่านี้มีแนวคิดมากจาก Quantum Physics) ซึ่งตรงข้ามกับ อารมณ์ด้านลบเช่น ความกลัว น้อยใจ ความกังวล ความรู้สึกขาดแคลน จะเป็นอารมณ์ด้านความถี่ต่ำ และจากที่ว่า สิ่งที่อยู่คลื่นความถี่เดียวกัน จะดึงดูดดัน
การ Manifest สิ่งดี ๆ ในชีวิตมักเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้นเมื่อเราอยู่ในสภาวะที่มีแรงสั่นสะเทือนสูง (High Vibrations) ซึ่งหมายถึงสภาวะทางจิตใจและอารมณ์ที่มีความสุข มองโลกในแง่ดี มีความรู้สึกขอบคุณ และเต็มไปด้วยพลังบวก เช่น หากเราต้องการฟังวิทยุ เราต้องปรับคลื่นของเราให้ตรงกับความถี่ที่ส่งมา ความถี่ด้านอารมณ์และทัศนคติก็เช่นกัน เราจึงควรมีความเบิกบาน การรักตัวเอง รักษาอารมณ์ด้านบวกในการใช้ชีวิต และยังควรหลีกเลี่ยงพลังงานด้านลบเช่นกัน เมื่ออยู่ในแรงสั่นสะเทือนสูง เรามักมีความรู้สึกมั่นใจและมีศรัทธาว่าสิ่งที่ต้องการจะเกิดขึ้นจริง ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการ Manifest ที่ทรงพลัง High Vibrations ช่วยให้เรามีความชัดเจนในการตั้งเป้าหมายและส่งพลังงานออกไปในทางบวก ซึ่งเพิ่มโอกาสในการดึงดูดสิ่งที่ต้องการเข้ามาในชีวิต
ดังนั้นการรักษา High Vibrations เป็นเหมือนการเตรียมจิตใจและอารมณ์ให้พร้อมที่จะ Manifest สิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิตผ่านพลังของความคิด ความเชื่อ และความรู้สึกในทางบวก
วิธีการ Manifest
- การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน ขั้นตอนแรกคือการรู้และระบุสิ่งที่ต้องการในชีวิต เหมือนเวลาขับรถ เราก็ต้องการเป้าหมาย ไม่อย่างนั้นเราอาจจะหลงทางไปไหนก็ไม่รู้ การตั้งเป้าหมาย เช่น ความสำเร็จในงาน ความรัก สุขภาพที่ดี หรือหากว่าเรายังไม่มีเป้าหมายระยะไกลที่ชัดเจน การตั้งเป้าหมายระยะสั้นก็สามารถทำได้เช่นกัน
- Vision Board หลายครั้งที่การ Manifest เกี่ยวข้องกับการมองเห็นภาพความสำเร็จในใจ แต่ว่าบางครั้งภาพในใจก็อาจจะลงรายละเอียดได้ไม่ชัดเจน การทำ Vision Board ทำให้เราเห็นภาพสิ่งที่เราต้องการได้ชัดเจน นอกจากภาพแล้ว เราต้องจินตนาการ รับรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกเช่นกัน เช่น หากเราต้องการเงิน ต้องจินตนาการว่า จะเอาเงินไปทำอะไร จินตนาการถึงความสุขของการได้รับเงินก้อนนั้นเป็นต้น
- รักษาความคิดและอารมณ์ในทางบวก เป็นการสร้างแรงสั่นสะเทือนเชิงบวกที่ช่วยดึงดูดสิ่งดี ๆ และสอดคล้องกับเป้าหมายที่ต้องการ ซึ่งจะช่วยให้เราพร้อมรับสิ่งดี ๆ ที่จะเข้ามา สามารถเริ่มต้นวันด้วยการเขียนความรู้สึกขอบคุณ ต่อสิ่งต่างๆรอบตัว คนที่อยู่รายล้อม ครอบครัว เพื่อน ที่ทำงาน คนที่เดินผ่าน หากเรารู้สึกขอบคุณอยู่ตลอดเวลา มันยากที่ความรู้สึกลบจะผ่านเข้ามา เราไม่สามารถมีความรู้สึกขอบคุณพร้อมความรู้สึกอิจฉาไปพร้อมกันได้ ให้ความสำคัญกับการรักตัวเอง เพราะการรักตัวเอง เราจะเห็นอกเห็นใจตัวเอง ทำอะไรดีๆเพื่อตัวเอง เป็นการยกระดับพลังงานที่ดีมากเลยค่ะ นอกจากนี้ การนั่งสมาธิ ก็ทำให้เรารู้เท่าทันอารมณ์ของเราเช่นกัน หากอารมณ์ด้านลบเริ่มก่อตัว การมีสติและสมาธิ ทำให้เราไม่ตกอยู่ในอารมณ์ลบนานๆ เราจะรู้สึกตัว และเปลี่ยนมุมมองต่อสิ่งต่างๆได้อย่างรวดเร็ว
- การลงมือทำ เพราะการ Manifest ไม่ใช่แค่การคิด แต่ยังต้องลงมือทำในทิศทางที่สอดคล้องกับเป้าหมาย เช่น การพัฒนาทักษะ การเปิดใจรับโอกาสใหม่ ๆ หรือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี สิ่งเหล่านี้ช่วยเสริมสร้างเส้นทางไปสู่ความสำเร็จอย่างแท้จริง
Manifest คือการสร้างสิ่งที่ต้องการขึ้นในชีวิตโดยใช้พลังของความคิดความเชื่อและการลงมือทำในทางที่สอดคล้องกันเราสามารถเริ่มต้นได้ง่ายๆตามวิธีข้างต้นได้เลยค่ะ