เป้าหมายระยะสั้น: 5 เทคนิคเปลี่ยนชีวิตก่อนสิ้นปี

อีก 90 วันคุณจะยังเป็นคนเดิม หรือจะเข้าใกล้ความฝันขึ้นอีกก้าว?”

 

วันนี้พลอยนั่งดูปฏิทินแล้วตกใจเลยค่ะเหลือแค่ 3 เดือนก็สิ้นปีแล้ว! ทำให้กลับมานั่งนึกถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ตอนต้นปี แต่ติดตรงที่ว่านึกเท่าไหร่ก็ยังนึกไม่ออก ทำให้มานั่งคิดทบทวน และตั้งใจว่าอีก 3 เดือนที่เหลือนี้ จะทำเป้าหมายระยะสั้นให้สำเร็จให้ได้ 

 

5 วิธีในการทำเป้าหมายให้สำเร็จ

จาก podcast ของ Ali Abdaal YouTuber, นักเขียน และอดีตหมอจากอังกฤษ ที่แบ่งปันแนวคิดผ่านหนังสือ Feel-Good Productivity ค่ะ

 

อาจจะเรียกว่าเป็น habits หรือ mindset หรือ how-to ให้ลองปรับใช้ในชีวิตประจำวันกันนะคะ

 

1. เขียนเป้าหมายลงไป 

การเขียนเป้าหมายลงไป ทำให้เรามองเป้าหมายเป็นภาพที่ชัดเจนขึ้น จับต้องได้ และที่สำคัญงานวิจัยพบว่า คนที่เขียนเป้าหมายลงไป มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าคนที่ไม่เขียนถึง 42% สำหรับ Ali เค้าเขียนเป้าหมายเป็นราย quarter พลอยว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจ เพราะว่าเป้าหมายรายปี อาจจะใหญ่เกินไป ใช้เวลานาน ทำให้เรา burn out หรือ ท้อไปก่อนเมื่อไม่เห็นผลลัพธ์ที่คาดหวัง การย่อยเป้าหมายเป็นราย 3 เดือน ไม่ทำให้ระยะเวลายาวนานเกินไป วัดผลและติดตามได้ชัดเจนขึ้น เปลี่ยนแปลงแผนได้คล่องตัวกว่าเป้าหมายรายปี บางทีเป้าหมายใหญ่ ๆ มันทำให้เรากลัวจนไม่เริ่ม แต่ถ้าแตกมันออกเป็น 3 เดือนเล็ก ๆจะทำให้เรารู้สึกเบาลง และทำได้จริง’”

 

2. กลับมาดูเป้าหมายที่เขียนไว้ทุกๆวันหรือทุกๆสัปดาห์

เป้าหมายก็เหมือนเมล็ดพันธุ์เล็ก ๆ ค่ะ ถ้าเขียนแล้ววางทิ้งไว้ มันก็ไม่โต แต่ถ้าเรากลับมามอง มารดน้ำ มาดูแลเสมอ มันจะค่อย ๆ เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ บางครั้งการกลับมาอ่านแค่ 5 นาที ก็ทำให้วันนั้นเราไม่หลงทาง หลายๆคน หลังจากเขียนเป้าหมายแล้ว ไม่กลับมาดูเลย บางทีเราก็ลืมเป้าหมายไปเลย สิ่งที่ตั้งใจจะทำ เมื่อเวลาผ่านไป กระดาษที่เขียนไว้ก็หายไปไหนไม่รู้ การกลับมาดู จะทำให้เรากลับมาโฟกัสกับเป้าหมาย ให้สมองเราได้จดจ่ออยู่กับเป้าหมายตลอดเวลา ตัวอย่างเช่น หากเราอยากได้รถคันนี้รุ่นนี้ สมองจะคอยมองหาแต่รถที่เราต้องการบนถนน เราจะเห็นว่ามีรถที่เราอยากได้เต็มไปหมด สมองทำงานแบบนี้กับเป้าหมายค่ะ 

 

3. รีวิว progress ทุกๆวันหรือทุกๆสัปดาห์

วัดผลว่าเราทำเป็นยังไงบ้าง ไปถึงไหนแล้ว Ali มีการทำ Manifesto ทุกเช้า เค้าจะรีวิว เป้าหมายทุกๆสัปดาห์และดู progress ว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง สิ่งนี้ช่วยให้เราจดจ่ออยู่กับเป้าหมายได้ทุกวัน เตือนตัวเองตลอดเวลา เพราะเรามีสิ่ง distract ความสนใจเรามากเหลือเกิน เช่น ขอดู social media หน่อย รู้ตัวอีกที เวลาก็ผ่านไปเป็นชั่วโมงแล้ว การกลับมาทบทวนเป้าหมาย ทำให้เราใช้เวลาไปกับสิ่งสำคัญจริงๆ ลองนึกถึงเวลาเราปีนเขาถ้าไม่หยุดหันกลับไปมองทางที่เดินมา เราจะไม่รู้เลยว่าเราเดินไกลแค่ไหนแล้ว การรีวิว progress คือการหันกลับไปเห็นชัยชนะเล็ก ๆของเราเอง และมันคือเชื้อไฟที่จะทำให้เดินต่อได้โดยไม่ท้อ และที่สำคัญ ทำให้เราได้รู้ตัวว่า เราเดินมาถูกทาง

 

4. นึกเป้าหมายให้เป็นภาพ ใช้หลักการ WOOP

เวลามีเป้าหมายใหญ่ ๆ เรามักจะเห็นแค่สิ่งที่อยากได้แต่ไม่ทันได้คิดถึงสิ่งที่ขวางเราเลยทำให้พอเจออุปสรรคเล็กน้อย ก็ถอดใจง่าย ๆ แต่ถ้าเรามองข้ามไปก่อน มองให้เห็นชัด ๆ ทั้งสิ่งที่อยากได้ ผลลัพธ์ที่ฝันไว้ อุปสรรค และแผนจัดการ มันเหมือนเรามีแผนที่ในมือ ต่อให้เจอทางตัน ก็ยังหาทางอ้อมไปต่อได้ การนึกภาพสิ่งที่เราต้องการ นอกจากจะทำให้เราเห็นเป้าหมายชัดแล้ว ยังทำให้เราคิดถึงระหว่างทางด้วย

 

โดย WOOP จะทำให้เรามองเห็นภาพปัญหาและอุปสรรคชัดเจนขึ้น WOOP มาจาก

 

W = Wish สิ่งที่เราปราถนา หรือก็คือเป้าหมายนั่นเอง

O = Outcome ผลที่เราจะได้รับ เราจะได้อะไร ถ้าเป้าหมายของเราเป็นจริง

O = Obstacle สิ่งที่มาขัดขวางระหว่าง เราที่อยู่ตรงนี้กับเป้าหมายข้างหน้า เช่น ความขี้เกียจ ไม่จดจ่อ ไม่มีไอเดียในการทำงาน ไม่มีอารมณ์ในการทำงาน ไม่มีเวลา ไม่มีแรงผลักดัน ไม่มีแรงบันดาลใจ ให้เราเขียนออกมาให้มากที่สุดเท่าที่เราจะนึกออก เพื่อที่ P ตัวสุดท้าย เราจะใช้จัดการ Obstacle เหล่านี้

P = Plan วางแผลสำหรับจัดการ Obstacle เช่น หากเราไม่มีเวลา เราขี้เกียจ เราจะทำยังไง ถ้าเราไม่มีไอเดียในการทำงาน เราจะหาไอเดียจากไหน วิธีการจัดการต่างๆ ในการเดินทางตามเป้าหมายระยะยาว ย่อมมีสิ่งกีดขวางมากมาย ทั้งจากตัวเราเอง และจากสิ่งรบกวนภายนอก การมีแผนที่ดีที่จะจัดการสิ่งรบกวนเหล่านั้น ทำให้การเดินทางไปยังเป้าหมายของเราง่ายขึ้น

 

5. ผูกเป้าหมายไว้กับตัวตนของเรา

เช่น ถ้าเราอยากเขียน blog ทุกวัน ให้นิยามตัวเองว่าเราเป็นนักเขียน หรือว่า ถ้าเราอยากสุขภาพดี เราจะบอกตัวเองว่าเราเป็นคน healthy ดูแล และรักสุขภาพ การผูกเป้าหมายไว้กับตัวตน จะทำให้เราคอยเตือนตัวเองเสมอ เช่น เราเป็นคนรักและดูแลสุขภาพ เมื่อถึงเวลา เราก็อยากจะออกกำลังกาย และทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากกว่าอาหารที่ทำลายสุขภาพ ทำให้เราฝึกนิสัย พัฒนาตัวเอง พัฒนาทักษะ และเข้าใกล้เป้าหมายเรามากขึ้น

 

3 เดือนฟังดูไม่นาน เป็นระยะที่ไม่มากเกินไป ไม่ทำให้เราท้อใจไปก่อน ถ้าแบกเป้าหมายใหญ่เกินไป พลอยเคยลองตั้งเป้าหมายเยอะ ๆ สุดท้ายเหนื่อยจนปล่อยมือไปหมด แต่พอเลือกแค่ 1–2 เรื่องเล็ก ๆ ที่สำคัญจริง ๆ มันกลับทำได้สำเร็จ และตอนจบปี เราจะมีความภูมิใจมากกว่าการพยายามทำทุกอย่างแต่ไม่เสร็จสักเรื่อง พลอยแนะนำว่า ตั้งเป้าหมายสัก 1-2 น่าจะกำลังพอดีค่ะ เหมาะสมกับเวลา และกระตุ้นจิตใจเราก่อนปีใหม่ได้เป็นอย่างดี

 

มาลอง 90-day goal challenge กันไหม? เขียนเป้าหมายเล็ก ๆ แค่ 1–2 ข้อ แล้วทำมันให้สำเร็จก่อนสิ้นปีนี้ พลอยขอ Challenge ตัวเองด้วยการเขียน Blog Post ทุกวันค่ะ แล้วเดี๋ยวมาอัพเดทกันนะคะ